• 3 สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อถึงเวลาต้องซื้อลวดเชื่อมเหล็กหล่อ

    ไม่ว่าเป้าหมายของคุณในการทำงานช่างจะเป็นอะไร แต่แน่นอนว่าขั้นตอนที่คุณจะไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปได้ก็คืองานเชื่อม โดยปกติแล้วความหมายของคำดังกล่าหมายถึงการนำวัสดุสองชิ้นมาเชื่อมต่อกันผ่านการหลอมเพื่อให้โครงสร้างทั้งหมดสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเมื่อการเชื่อมมีบทบาทสำคัญต่องานช่างทุกประเภทเช่นนี้ ดังนั้นสิ่งที่เราทุกคนควรทราบกันให้ดีได้แก่การรู้วิธีเลือกลวดเชื่อมเหล็กหล่อให้เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่อาจจะตามมาได้จากการเลือกใช้ลวดเชื่อมที่ไม่ได้มาตรฐาน ว่าแต่ขั้นตอนการเลือกซื้อลวดเชื่อมที่ดีจะมีอะไรบ้าง หากทุกคนพร้อมแล้ว เชิญตามไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมข้างล่างนี้กันได้เลย

    สังเกตให้ดีว่ามีตรามอก.ติดอยู่บนฉลากหรือไม่

    เมื่อไปถึงร้านขายอุปกรณ์ช่าง สิ่งแรกที่เราควรทำกันทันทีคือการสังเกตดูว่ากล่องลวดที่เราเลือกนั้นมีตรามาตรฐานอุตสาหกรรมหรือมอก. ติดอยู่หรือไม่? ถ้าหากมี แน่นอนว่าผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าลวดที่เราเลือกมานั้นได้ผ่านการรองรับในเรื่องของคุณภาพและประสิทธิภาพจากองค์กรที่มีความเชื่อถืออย่างสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    เลือกประเภทของลวดให้ถูกต้องกับงานที่จะนำไปใช้

    หลังจากตรวจสอบกันไปแล้วว่าลวดเชื่อมเหล็กหล่อที่เราจะซื้อมานั้นมีตรามอก. ประทับอยู่หรือไม่ ลำดับต่อมาเราอาจจะต้องลองย้อนกลับมานึกดูว่างานเชื่อมที่เราจะทำนั้นจำเป็นต้องใช้ลวดประเภทไหน เพราะแน่นอนว่าลวดแต่ละชนิดย่อมมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้ออะไร ทางที่ดีเราควรจะศึกษากันให้ดีก่อนว่าเรากำลังจะทำงานแบบไหนเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจากการเลือกใช้ลวดผิดประเภท โดยตัวอย่างของสิ่งที่เราควรนำมาพิจารณาดังนี้

    โครงสร้างของชิ้นงาน – หากต้องทำงานเชื่อมกับโครงสร้างงานที่มีความหนา สิ่งที่เราควรทำคือการเลือกลวดที่มีความยืดหยุ่น

    ส่วนผสมของลวด – ผู้ใช้งานควรเลือกลวดที่มีส่วนผสมเดียวกันกับโครงสร้างงาน

    สอบถามขั้นตอนการใช้งานจากผู้ขายหรือผู้เชี่ยวชาญให้ดี

    ลำดับถัดมาก็ถึงขั้นตอนสุดท้ายกันแล้ว โดยสิ่งที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนทำได้แก่การสอบถามวิธีการใช้งานอย่างละเอียดจากผู้ขายหรือผู้เชี่ยวชาญก่อนการตัดสินใจซื้อ เพราะลวดเชื่อมเหล็กหล่อแต่ละชนิดหรือแต่ละยี่ห้อต่างก็มีขั้นตอนการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน เช่น ลวดบางประเภทผู้ใช้อาจจะต้องนำไปผ่านความร้อนหรือความเย็นก่อนนำมาเชื่อม นอกจากนี้หากเรานำลวดเชื่อมเหล็กหล่อไปใช้กับงานที่มีความบอบบาง เราอาจจำเป็นที่จะต้องนำลวดไปอบที่อุณหภูมิ 100 – 200 องศาเซลเซียสก่อน

    และทั้งหมดก็คือรายละเอียดคร่าวๆ ว่าด้วยหลักของการเลือกซื้อลวดเชื่อมเหล็กหล่อ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความที่เราได้นำเสนอไปคงจะเป็นประโยชน์กับทุกคนไม่มากก็น้อย

     

     

     

     …

  • ร้านเคลือบแก้วรถยนต์ที่ไหนดี ดูยังไง? ดูได้จาก 3 สิ่งนี้!

    ในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีมากมายที่ให้เราได้ดูแลรถยนต์ที่เรารักให้อยู่ในสภาพดีและเหมือนใหม่ สวยงามสะดุดตาเกินใครมากที่สุด หนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากก็คือการเคลือบแก้ว ซึ่งเป็นการทำให้สีสันรถยนต์ดูเงางาม เหมือนใหม่อยู่เสมอ ปกป้องพื้นผิวของรถยนต์ให้ห่างไกลจากรอยขีดข่วน ป้องกันการทำลายสีรถจากแสงแดดหรือสารเคมีอื่น ๆ แล้วการจะเลือกร้านเคลือบแก้วรถยนต์ไปใช้บริการสักร้าน เราต้องดูที่อะไรบ้าง ตามไปดูเทคนิคกันเลย

    น้ำยาที่ใช้

    อันดับแรกต้องดูที่น้ำยาที่ทางร้านเคลือบแก้วรถยนต์เลือกใช้ว่าใช้น้ำยาที่มาคุณภาพ รวมถึงความเข้มข้นของสารเคลือบอยู่เท่าใด เพราะจะมีผลต่อความหนาและความแข็งของตัวเคลือบแก้ว ควรใช้น้ำยาที่มีคุณภาพ ได้รับการยอมรับ อย่างน้ำยาที่ใช้เทคโนโลยีจากญี่ปุ่นที่จะการันตีความเงางามได้นาน

     

    เทคนิคในการเคลือบแก้ว

    ควรสอบถามกับทางร้านด้วยว่าใช้เทคนิคในการเคลือบแก้วแบบใด และเป็นวิธีการเคลือบที่ได้มาตรฐานหรือไม่ เพื่อให้น้ำยาเคลือบติดทนทาน ไม่หลุดลอกร่อน และเกิดความเสียหายต่อตัวรถ รวมถึงสามารถรักษาความเงางามได้อย่างยาวนานอีกด้วย

     

    บริการหลังการขาย

    นอกจากเรื่องของคุณภาพของตัวน้ำยาเคลือบแล้ว ร้านเคลือบแก้วรถยนต์ที่เลือกใช้จะต้องมีบริการระหว่างและหลังการขายที่ดี คอยดูแลคุณภาพและแนะนำการดูแลรักษา เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด และมั่นใจได้ว่าร้านจะไม่ทอดทิ้ง

     

    และทั้ง 3 ข้อนี้ก็คือเคล็ดลับพื้นฐานในการเลือกร้านเคลือบแก้วรถยนต์มาดูแลรถคันโปรดของคุณ เพื่อปกป้องสีและความเงางามของตัวรถให้เหมือนใหม่ ท้าทายกาลเวลา และยังห่างไกลจากสารเคมีหรือฝนกรดที่อาจทำลายตัวถังรถได้อีกด้วย

  • ชาว Biker มาทางนี้! เลือกชุดขี่มอเตอร์ไซค์อย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

    หนึ่งในกีฬาหรือกิจกรรมที่เร้าใจและถูกใจคนไทยเป็นอย่างมากเลยก็คือการขี่มอเตอร์ไซค์ เพราะนอกจากจะทั้งมันส์ และคูลสุดๆ แล้ว ก็ยังสามารถนำไปขับขี่ได้ในชีวิตประจำวัน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง และไม่ต้องไปทนรถติดอยู่บนถนนอีกด้วย ซึ่งอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับ Biker หลายๆ คนนั้นก็คือชุดขี่มอเตอร์ไซค์ แต่สำหรับ Biker มือใหม่ก็คงจะมีคำถามว่าแล้วเราจะเลือกชุดขี่มอเตอร์ไซค์อย่างไรดี ในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกชุดขี่มอเตอร์ไซค์ให้ทุกคนได้อ่านกัน!

    เลือกชุดที่มี Guard ป้องกันตามจุดต่างๆ
    การเลือกชุดขี่มอเตอร์ไซค์ที่มี Guard หรือเกราะป้องกันตามจุดต่างๆ อย่างข้อศอก หัวไหล่ และแผ่นหลัง ก็จะสามารถช่วยป้องกันตัวคุณเองไม่ให้บาดเจ็บ หากเกิดอุบัติเหตุรถล้ม หรือรถชนขึ้นมาได้

     

    เลือกวัสดุที่ตรงกับความต้องการ
    สำหรับชุดขี่มอเตอร์ไซค์นั้นจะมีทั้งแบบที่ทำมาจากผ้า และทำมาจากหนัง ซึ่งหากเป็นแบบหนัง ก็จะไม่ต้านลม คงทนกว่า แต่อาจมีราคาสูงกว่าเช่นกัน ในทางกลับกัน หากเป็นผ้า ก็จะระบายความร้อนได้ดีกว่า ราคาถูกกว่า แต่อาจไม่คงทนเท่าหนังนั่นเอง

     

    ราคาสมเหตุสมผล
    ชุดขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีคุณภาพดีนั้นไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงเสมอไป เพราะฉะนั้นก่อนจะซื้อก็ควรดูด้วยว่าราคากับคุณภาพนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ หรืออาจทำการซื้อจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือก็จะดีที่สุด

     

      อ่านจบกันไปแล้ว ก่อนจะตัดสินใจซื้อชุดขี่มอเตอร์ไซค์ตัวไหนก็อย่าลืมคำนึงถึงคำแนะนำที่เราได้กล่าวไปข้างต้นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกชุดที่มี Guard ป้องกันตามจุดต่างๆ, เลือกวัสดุที่ตรงกับความต้องการ และมีราคาสมเหตุสมผลด้วยเช่นกัน

     …

  • 3 กระเป๋าคาดเอวมอเตอร์ไซค์รุ่นสุดปัง! จุเยอะ เบา ราคาไม่แรง

    นอกจากเสื้อแจ็กเกต และหมวกกันน็อกจะเป็นไอเท็มที่นักขี่มอเตอร์ไซค์หลายๆ คนขาดไม่ได้แล้ว อีกไอเท็มหนึ่งที่มีประโยชน์มากๆ เลยก็คือกระเป๋าคาดเอวมอเตอร์ไซค์ เพราะคุณสามารถเก็บของใช้ส่วนตัวไว้ในกระเป๋าได้โดยที่ไม่ต้องถือให้ลำบาก ซึ่งสำหรับคนที่ยังไม่มีไอเท็มนี้ เราก็อยากจะมาแนะนำ 3 กระเป๋าคาดเอวมอเตอร์ไซค์รุ่นเด็ด ที่ทั้งจุได้เยอะ มีน้ำหนักเบา สวมใส่แล้วสบายสุดๆ แถมยังมีราคาไม่แรงอีกด้วย จะมีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย!

    กระเป๋าคาดเอว ADIDAS Street 

    เห็นราคาย่อมเยา และขนาดเล็กแบบนี้ แต่บอกเลยว่าเรื่องฟังก์ชันมาแบบจัดเต็มอย่างมาก

    เพราะวัสดุทำมาจากผ้าโพลีเอสเตอร์เพลนวีฟ แถมยังจุของได้เยอะสุดๆ เพราะมีกระเป๋าซิปอยู่ด้านหน้า, ด้านใน และมีห่วงผ้าเว็บบิ้งอยู่ด้านข้าง ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน นอกจากนี้สายคาดเอวก็ยังปรับความยาวได้ตามขนาดของเอวคุณ

     

    กระเป๋าคาดเอว Osprey Daylight Waist Pack

    หลายๆ คนอาจจะรู้จักแบรนด์ Osprey ในฐานะกระเป๋าสำหรับเดินป่า แต่จริงๆ แล้วก็สามารถนำมาใช้งานเป็นกระเป๋าคาดเอวมอเตอร์ไซค์ก็ได้เช่นกัน เนื่องจากตัวกระเป๋ามีน้ำหนักเบาอย่างมาก แถมยังนุ่ม และไม่ว่าจะใส่ของเยอะแค่ไหนก็จะเป็นทรง จะใส่ขี่มอเตอร์ไซค์ เดินเล่น หรือเดินป่า ก็คล่องตัวสุดๆ

     

    กระเป๋าคาดเอว PUMA BMW M Motorsport

    ชาว Biker คนไหนที่ชอบแบรนด์ BMW ต้องไม่พลาดกับกระเป๋าคาดเอวมอเตอร์ไซค์รุ่น PUMA BMW M Motorsport มาในดีไซน์สุดเท่ รูปทรงไดนามิก มีช่องให้จัดเก็บสิ่งของอย่างกว้างขวาง ทั้งยังมีแผงตาข่ายบริเวณด้านหลัง ซึ่งสามารถช่วยระบายอากาศได้อย่างดี

     

    บอกเลยว่ากระเป๋าคาดเอวมอเตอร์ไซค์ 3 รุ่นที่เราได้แนะนำไปนั้นใช้งานดีอย่างมาก แถมยังมีดีไซน์สวยงาม นำไปใส่กับชุดแจ็กเก็ตไหนก็เข้าสุดๆ แต่หากคุณยังไม่รู้ว่าจะเข้ากับคุณหรือไม่ ก็ลองไปเลือกซื้อกันที่ร้านขายอุปกรณ์กีฬาชั้นนำกันได้เลย 

     

     …

  • อาการดื้อโบท็อกซ์หลังจากฉีดโบท็อกซ์คืออะไร? ต้องดูแลอะไรบ้าง

    หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ หลายๆ คนอาจจะเคยเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ ซึ่งอาการดื้อโบท็อกซ์นั้นคือการที๋ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล สาเหตุเกิดจากการที่โปรตีนในสารโบท็อกซ์มีหลายชนิด และเมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายแล้ว บางคนอาจจะมีการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาต่อต้านสารโปรตีนนั้นๆ ทำให้ไม่ออกฤทธิ์เท่าที่ควร ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์นั้นก็คือการใช้โบท็อกซ์ในปริมาณที่สูงและถี่เกินไป ดังนั้น ควรฉีดโบท็อกซ์ให้น้อยที่สุดและห่างกันมากกว่า 12 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์อีกด้วย

    สำหรับการดูแลตัวเองหลังจากการฉีดโบท็อกซ์นั้น ก็ควรที่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์หรือปัญหาอื่นๆ หลังจากการฉีด

    • งดนอนราบอย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมงแรก หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกซ์ไหลไปยังส่วนอื่นที่ไม่ต้องการ
    • นอนหงายและหนุนหมอนสูงในคืนแรกหลังจากฉีด
    • ไม่ควรประคบร้อน และระวังลมร้อนจากไดร์เป่าผมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกซ์ละลาย
    • ห้ามประคบเย็น เพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์ประสาทดูดซึมได้ไม่เต็มที่
    • งดการนวด กด คลึง และบีบ บริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกซ์กระจายไปยังบริเวณอื่น
    • ควรพบแพทย์เพื่อประเมินผลการรักษา หากมีปัญหาควรปรึกษาแพทย์ทันที

     

    นอกจากนี้แล้ว ถ้าหากต้องการที่จะฉีดโบท็อกซ์ ควรที่จะต้องเลือกคลินิกและโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ผลที่มีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐานในการดูแลอีกด้วย ทั้งนี้ก่อนที่จะตัดสินใจก็ควรที่จะต้องศึกษาข้อมูลให้ดี จะได้ป้องกันผลกระทบกับใบหน้าสวยๆ ของเรา